น้ำมาปลากินมด ถ้าน้ำรั่วเข้ารถมีปัญหาแล้วล่ะ!

Last updated: 4 ส.ค. 2566  |  281 จำนวนผู้เข้าชม  | 

น้ำมาปลากินมด ถ้าน้ำรั่วเข้ารถมีปัญหาแล้วล่ะ!





สาเหตุที่ทำให้น้ำซึมเข้าสู่ภายในตัวรถได้

 

-          ท่อน้ำทิ้งแอร์รั่ว จะทำให้เกิดน้ำขังอยู่ภายในรถยนต์ เนื่องจากท่อน้ำทิ้งแอร์ชำรุด แม้จะไม่ได้ขับฝ่าฝนตกหรือถูกน้ำท่วมก็ตาม สังเกตความผิดปกติได้จากกลิ่นอับชื้น มีน้ำซึมบริเวณพรมปูพื้น

-          ยางขอบประตูเสื่อม ปิดไม่สนิท หากยางขอบประตูเสื่อม สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยการล้างรถ หรือฉีดน้ำ บริเวณหลังคาขอบประตู หากพบว่ามีน้ำไหลซึมเข้ามาด้านในห้องโดยสาร แสดงว่าได้เวลาเปลี่ยนขอบยางใหม่แล้ว

-          พลาสติกซุ้มล้อแตกหัก จะทำให้เมื่อขับผ่านน้ำไหลเข้ามา บริเวณที่วางเท้าในรถยนต์ หากสังเกตพบว่าเกิดการชำรุดสามารถซ่อมแซมเบื้องต้นได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการ ไปให้ช่างทำการตรวจสอบแก้ไขให้จะดีที่สุด

-          จุกยางพื้นรถหลุดหาย จุกยางอุดพื้นรถ มักจะเป็นยางหรือพลาสติด มีไว้เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมสูง  รถยนต์จะไม่ลอยน้ำ ทำให้ยังคงสามารถบังคับทิศทางของรถได้อยู่ แต่ถ้าเกิดจุกยางหลุดหายไป ก็จะทำให้น้ำไหลเข้ามาภายในตัวรถยนต์ได้

 

 





หากน้ำเข้ารถยนต์ ต้องทำอย่างไร?

 

◾ โทรแจ้งประกันภัย เป็นสิ่งแรกที่ควรทำ เพื่อตรวจสอบกับทางบริษัทประกันว่า กรมธรรม์ที่มีอยู่นั้นคุ้มครองกรณีนี้ด้วยหรือไม่ เนื่องจากประกันแต่ละชั้นก็มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมแตกต่างกันไป 


◾ถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ออก เนื่องจากน้ำที่ท่วมรถยนต์อาจจะทำให้ระบบไฟภายในรถเกิดการลัดวงจรได้ ดังนั้นก่อนที่น้ำจะเข้ารถ และถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถนำรถออกไปได้ ก็ควรที่จะถอดขั้วแบตออกให้หมด 


◾เปลี่ยนของเหลวในห้องเครื่องทั้งหมด หลังรถโดนน้ำท่วม ควรจะนำรถไปเข้าอู่หรือศูนย์บริการ เพื่อทำการเปลี่ยนของเหลวภายในเครื่องให้ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากน้ำที่เข้าไปสู่ระบบเครื่องยนต์ อาจจะทำให้ระบบเครื่องยนต์ต่าง ๆ เกิดความเสียหายได้


◾ไม่ดับเครื่องทันที หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมจนมาถึงจุดหมายแล้ว ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที เพราะอาจทำให้น้ำที่ค้างอยู่ที่ท่อไอเสียย้อนกลับเข้าไปได้ และความชื้นที่ยังมีอยู่อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ ควรจะจอดรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้น้ำที่อาจตกค้างอยู่ในหม้อพักท่อไอเสียระเหยออกมาให้หมดเสียก่อน


◾ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ หากพบว่าเครื่องยนต์มีอาการผิดปกติ เช่น กระตุก เร่งเครื่องไม่ขึ้น หรือเสียงดังกว่าปกติ ควรจะจอดรถแล้วตรวจสอบทันที โดยให้ดูก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หากพบว่ามีสีขุ่นผิดปกติเหมือนกาแฟใส่นม แสดงว่ามีน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จากนั้นให้ตรวจสอบกรองอากาศ หากน้ำเข้าทางนี้ กรองอากาศและท่อไอดีจะเปียก ควรจะนำรถยนต์ส่งอู่ซ่อมเพื่อให้ช่างตรวจสอบและทำการแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายหนักขึ้น


◾ตรวจสอบภายในห้องโดยสาร ให้สังเกตที่พรมปูพื้น หากพบว่าด้านใต้พรมมีน้ำแฉะ ให้รีบนำพรมออกตากแดด ควรดูดหรือเช็ดออกให้แห้งทันที ไม่ควรทิ้งให้น้ำขังอยู่ภายในรถ เปิดประตูรถทั้งสี่ด้านเพื่อระบายอากาศ ไล่ความชื้นในห้องโดยสาร โดยในรถยนต์บางรุ่น จะมีโมดูลควบคุมถุงลมนิรภัยอยู่ที่ใต้เบาะคนขับ ควรดูแลไม่ให้มีความชื้นด้วยเช่นกัน



◾ตรวจสอบระบบอีเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า ตรวจสอบภายในกล่องฟิวส์ว่ามีความเสียหายหรือไม่ หากมีความเสียหายที่ฟิวส์ใดก็ควรเปลี่ยนทันที โดยอ้างอิงจากที่ฝากล่องฟิวส์รถยนต์ และดูกล่องอีซียูหากพบว่าเปียกน้ำ ให้รีบเช็ดให้แห้ง รวมไปถึงตรวจสอบไฟต่าง ๆ ภายนอกรถ หากอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ควรถอดขั้วต่อแบตเตอรี่ออก เพื่อให้ช่างได้ทำการตรวจสอบและประเมินความเสียหาย


◾ตรวจสอบการใช้งานของเบรก ด้วยการเหยียบเบรกสัก 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะขับรถต่อไป เพื่อช่วยให้ผ้าเบรกกับจานเบรกหรือดรัมเบรกอยู่ในสภาพปกติ โดยรถเกียร์ออโต้ ควรย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ส่วนรถเกียร์ธรรมดา ควรย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น และไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพื่อความปลอดภัย

 

 





วิธีทำความสะอาด หลังน้ำเข้ารถยนต์ 

 

-          หากพรมปูพื้นเปียกน้ำเล็กน้อย ให้ใช้ผ้าซับน้ำที่ขังออก นำรถไปจอดตากแดด แล้วเปิดประตูและกระจกรถยนต์ เพื่อระบายความชื้น

-          หากพรมปูพื้นเปียกน้ำค่อนข้างมาก ให้ถอดพรมไปซัก หรือผึ่งแดดจนแห้งสนิทเพื่อไม่ให้รถมีกลิ่นอับ หรือนำรถเข้าทำความสะอาดได้ที่ร้านคาร์แคร์ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง

-          ดึงจุกยางปิดรูระบายที่พื้นออก หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยปิดกลับไว้ตามเดิม

 

วิธีป้องกันน้ำเข้ารถยนต์ ช่วงหน้าฝน 

 

-          หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ จำเป็นที่จะต้องขับฝ่าน้ำท่วมขังหรือฝนตกหนัก ควรจะขับให้ช้า ใช้เกียร์ต่ำ และไม่ควรเร่งเครื่องยนต์มากเกินไป

-          ควรปิดแอร์รถยนต์ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ใบพัดแอร์กระจายน้ำไปห้องเครื่อง

-          หลังขับรถลุยน้ำมาแล้ว เมื่อถึงจุดหมายอย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ทันที  เพราะอาจจะมีน้ำตกค้างอยู่ในท่อไอเสีย ให้ติดเครื่องยนต์ไว้ก่อนจนกว่าน้ำจะระเหยออกหมด

-          หมั่นตรวจเช็กรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูร์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะในจุดเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้น้ำรั่วซึมเข้ามาได้



     น้ำท่วมรถยนต์มักเป็นปัญหาใหญ่ที่น่าหนักใจเมื่อนึกถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรถ หากคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์หรือต้องการทำประกันภัยรถยนต์ ที่สามารถคุ้มครองภัยธรรมชาติน้ำท่วม เราขอแนะนำทำประกันภัยรถยนต์กับเราบริษัทเอ็มเอ็นอาร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ มีครบทุกชั้นประกันภัยรถยนต์

     ทำประกันออนไลน์ง่าย คุ้มครองไว เพียงแค่ติดต่อมาที่เพจ MNR Insurance broker หรือเพิ่มเพื่อนเข้ามาในไลน์ (Official Line ID: @mnrinsurancebroker )
 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.mitsurma.com

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้