ขับรถอยู่ดีๆ รถเกิดความร้อนขึ้นสูงมาก! รับมืออย่างไรถึงจะปลอดภัย?

วิธีสังเกต

วิธีสังเกตอุณหภูมิของตัวรถและเครื่องยนต์ในรถบางรุ่นนั้น  จะมีการเตือนผ่านมาตรวัดที่มาพร้อมกับรถหรือสัญาณไฟเตือนสีแดงที่อยู่บนหน้าปัดรถยนต์ กรณีของมาตรวัดผู้ขับขี่ควรสังเกตุเสมอว่า เมื่อไหร่ที่อุณหภูมิเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์ปกติ เข็มชี้จะต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งของตัวมาตรวัด หากเครื่องยนต์หรืออุณหภูมิของรถมีความผิดปกติเกิดขึ้น เข็มชี้มาตรวัดจะเกินครึ่งหนึ่งเสมอ ส่วนกรณีเป็นแบบไฟเตือนบนหน้าปัด ขณะที่อุณหภูมิปกติสัญญาณเตือนจะขึ้นไฟสีเขียวหรือสีฟ้าเท่านั้น เพื่อแสดงถึงความปกติของเครื่องยนต์หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิต่ำ และเมื่อไหร่ที่ไฟเตือนขึ้นเป็นสีแดง แสดงว่าเครื่องยนต์หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูงมากเกินไป 

ขั้นตอนต่อไปของการรับมือมีดังนี้

     1.  ผู้ขับขี่ต้องทำการจอดรถในที่ปลอดภัย จากนั้นเปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อให้ความร้อนจากห้องเครื่องได้ระบายออกมา 
     2.  รอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลงจึงค่อยเปิดฝาหม้อน้ำ หากหม้อน้ำยังร้อนอยู่ให้ใช้ผ้าหนาๆ ช่วยจับ และไม่ควรเอาใบหน้าเข้าไปใกล้ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุจากแรงดันน้ำภายในหม้อกระเด็นใส่ได้
     3.  เติมน้ำอย่างช้าๆ ให้ช่วงเวลาห่างกันประมาณ 5 นาที ต่อการเติม 1 ครั้ง กรณีที่เติมน้ำแล้วไม่เต็ม อาจจะเกิดอาการหม้อน้ำรั่วหรือแตกได้ ให้แจ้งศูนย์บริการใกล้ท่านทันที แต่ถ้าหากหม้อน้ำเกิดการรั่วเล็กน้อยสามารถขับต่อไปได้ ให้ใช้ความเร็วน้อยที่สุดแล้วหมั่นเช็คมาตรวัดหรือสัญญาณเตือนอยู่เสมอ หากอุณหภูมิสูงขึ้นให้ทำการหยุดรถ แล้วรอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลงแล้วจึงค่อยไปต่ออย่างช้าๆ จากนั้นให้นำรถเข้าอู่เพื่อทำการซ่อมทันที 

 

วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้รถเกิดความร้อนขึ้น สามารถทำได้ตามนี้ 

                  
      •    หมั่นตรวจสอบสภาพรถทั้งภายในและภายนอกให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
      •    ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากเป็นรถเก่าที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานควรเช็คน้ำในหม้อน้ำ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และหมั่นเทน้ำทิ้งและเติมน้ำสะอาดใหม่ทุก 4-6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ภายในหม้อจนเกิดการอุดตัน แล้วทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถระบายความร้อนได้ ที่สำคัญที่สุดน้ำในหม้อจะต้องไม่เติมจนเกินขีดกำหนด เพราะเมื่อน้ำเดือดจะทำให้หม้อเกิดการขยายตัวมากเกินไป ส่งผลให้หม้อน้ำแตกได้ 

     เพราะฉะนั้นการตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำ เพื่อให้รถนั้นมีสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จะช่วยลดความเสียหายของปัญหาเหล่านี้ได้ดีที่สุด

หรือการทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อ พรบ.รถยนต์ที่คุ้มค่า สนใจทำประกันนึกถึง MNR Insurance Broker บริการ 24 ชั่วโมง ให้คำแนะนำและคำปรึกษาได้ทุกเรื่อง หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 085-052-4444