Last updated: 21 ก.ย. 2566 | 292 จำนวนผู้เข้าชม |
ประกันที่ต้องทำ คือ ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย
โดยทั่วไปธนาคารจะให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะว่าผู้ขอสินเชื่อบ้านต้องนำบ้านที่ซื้อมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ความคุ้มครองที่ได้รับ
คุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยระเบิด ภัยจากการถูกชนโดยยานพาหนะหรืออากาศยาน หรือภัยเนื่องจากน้ำ แล้วเรายังสามารถซื้อความคุ้มครองในส่วนภัยพิบัติ เช่น ภัยน้ำท่วม ลมพายุ และแผ่นดินไหว เพิ่มเติมได้
ทุนประกันที่ควรทำ
ควรทำทุนประกันหรือวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่าบ้านและทรัพย์สิน เพราะหากเกิดความเสียหายเพียงบางส่วน ก็จะยังได้รับเงินชดเชยเหมือนทำประกันไว้เต็มมูลค่า
ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย
ค่าเบี้ยประกันอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 3,000 บาท ต่อทุนประกัน 1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับลักษณะบ้านหรือสิ่งปลูกสร้าง อาทิ ค่าเบี้ยประกันของบ้านผนังคอนกรีตล้วนจะต่ำกว่าบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ และค่าเบี้ยประกันมักจ่ายเป็นแบบปีต่อปี แต่เราสามารถซื้อเป็นแบบราย 2 ปี หรือ 3 ปี ซึ่งจะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันอีกด้วย
คำแนะนำ
ไม่ว่าบ้านของเรากำลังผ่อนชำระอยู่หรือไม่ก็ควรทำประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับบ้าน อย่างน้อยก็มีประกันที่ช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเพียงหลักพันถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ
ประกันที่ควรทำ คือ ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้าน
ธนาคารมักแนะนำให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้าน ซึ่งผู้ขอสินเชื่อจะทำหรือไม่ก็ได้ และหากไม่ทำก็ไม่ได้ส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อใด ๆ เพียงแต่แนะนำว่าผู้ขอสินเชื่อบ้านควรทำประกันประเภทนี้
ความคุ้มครองที่ได้รับ
คุ้มครองผู้ทำประกัน กรณีเสียชีวิตและกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร โดยจะได้รับเงินชดเชยเท่ากับทุนประกันหรือความคุ้มครองที่คงเหลืออยู่
ทุนประกันที่ควรทำ
ควรทำประกันให้มีระยะเวลาความคุ้มครองและทุนประกันสอดคล้องกับระยะเวลาในการผ่อนชำระและวงเงินสินเชื่อ โดยทุนประกันหรือความคุ้มครองจะลดลงเรื่อย ๆ ตามยอดหนี้สินที่ลดลง
ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย
ค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับเพศ อายุของผู้ขอสินเชื่อ ทุนประกัน และระยะเวลาความคุ้มครอง การจ่ายค่าเบี้ยประกันมักจ่ายเพียงครั้งเดียว หรือบางธนาคารให้ผู้ขอสินเชื่อสามารถผ่อนชำระค่าเบี้ยได้ โดยให้เป็นวงเงินสินเชื่อ
คำแนะนำ
ผู้ที่กำลังผ่อนบ้านควรทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้าน เพราะหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับผู้ขอสินเชื่อ ครอบครัวหรือคนที่เรารักจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระในการผ่อนชำระหนี้สิน นอกจากนี้เบี้ยประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองหนี้สินบ้านที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
การทำประกันไม่ได้อยู่ที่ธนาคารเป็นผู้กำหนด แต่อยู่ที่ตัวเราเป็นผู้ตัดสินใจ ถ้าอยากให้บ้านและคนที่เรารักได้รับความคุ้มครอง เมื่อตัดสินใจซื้อบ้านก็ไม่ควรมองข้ามการทำประกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.kasikornbank.com