ทำพฤติกรรมนี้ รถคว่ำตกไหล่ทาง!!

Last updated: 4 มิ.ย. 2567  |  394 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำพฤติกรรมนี้ รถคว่ำตกไหล่ทาง!!

 ทำพฤติกรรมนี้! รถคว่ำ ตกไหล่ทาง ไม่รู้ตัว!

พฤติกรรมเหล่านี้ เป็นพฤติกรรมที่เสี่ยง เกิดอุบัติเหตุทั้งเล็กน้อย และรุนแรงได้ การทำประกันภัยให้กับรถยนต์ก็จะช่วยคุณ เมื่อเกิดอุบัติเหตุได้เยอะ และจำเป็นที่ควรจะมีติดไว้ ใครสนใจประกันรถยนต์หรืออยากสอบถามประกันภัย ให้ทางเรา MNR Insurance broker  เรายินดีให้คำปรึกษาลูกค้าทุกท่าน…







เช็คพฤติกรรมเหล่านี้ คุณเป็นอยู่หรือไม่? พฤติกรรมห้ามทำเวลาขับรถ เสี่ยงรถคว่ำ ตกไหล่ทาง


  • เมาแล้วขับ 


นี่คือพฤติกรรมเสี่ยงอันดับต้น ๆ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลให้สมรรถภาพในการขับขี่ลดลง ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ดื่มช้าลงอย่างมาก การตัดสินใจแก้ไขเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้าจึงช้ากว่าปกติ ทำให้ผู้ที่เมาแล้วขับเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมาก ๆ ถึงแม้จะมีกฎหมายห้ามผู้ขับขี่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับรถทุกชนิด โดยหากพบว่าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีและปรับตั้งแต่ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ทว่าก็ยังพบจำนวนผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล

ดังนั้นถ้าไม่อยากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำ ตกไหล่ทาง หรือติดคุก โดนปรับ หากดื่มแอลกอฮอล์มาแนะนำให้เพื่อนที่ไม่เมาขับแทน หรือใช้บริการรถแท็กซี่ รถสาธารณะต่าง ๆ แทนจะดีที่สุด นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีบริการ “U Drink I Driver” พนักงานขับรถส่วนตัวที่จะพาคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลว่าจะเจอด่านเป่าแอลกอฮอล์หรือเกิดอุบัติเหตุ

 

  • ง่วงแล้วขับรถ


พฤติกรรมเสี่ยงที่อันตรายไม่แพ้กรณีเมาแล้วขับ เพราะเพียงแค่เผลอหลับในไปไม่กี่วินาที ก็อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดได้ เช่น รถคว่ำ รถชน รถตกไหล่ทาง เป็นต้น ยิ่งถ้าคุณขับรถมาด้วยความเร็วเกินกว่า 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะยิ่งส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมการเบรกหรือการทรงตัวของรถได้ทันหากวูบหลับไป

หากคุณเริ่มหาวบ่อย ๆ ใจลอย ไม่มีสมาธิ เมื่อยล้า หนังตาหนัก ตาปรือ เริ่มลืมตาไม่ขึ้น เห็นภาพไม่ชัด รู้สึกมึน หนักศีรษะ มองข้ามป้ายจราจรหรือสัญญาณไฟ แนะนำให้รีบหาที่จอดพัก โดยหาที่ปลอดภัยเพื่องีบหลับอย่างน้อย 15 นาทีก่อนขับรถต่อ หาลูกอมหรือขนมขบเคี้ยวกิน ดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า เปิดหน้าต่างให้ลมปะทะหน้า เปิดเพลงดัง ๆ จังหวะสนุก ๆ หรือทางที่ดีสลับให้ผู้อื่นขับแทน แต่ถ้าขับรถคนเดียว และทำทุกอย่างนี้แล้วก็ยังรู้สึกง่วงอยู่ แนะนำให้หาโรงแรมนอนพักสักคืน อาจเป็นทางออกที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนั้น

 

  • คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ เสี่ยงรถคว่ำ ตกไหล่ทาง


ผู้ขับขี่ใช้มือถือโทรศัพท์ จะเหลือมือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทันท่วงที อีกทั้งสมาธิของผู้ขับขี่อาจจดจ่ออยู่กับบทสนทนาทางโทรศัพท์ จึงไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมบนท้องถนน ไม่ได้จดจำรายละเอียดเส้นทาง ป้ายจราจร และป้ายบอกทาง นอกจากนี้หากผู้ขับขี่ต้องก้มหน้าดูโทรศัพท์ ใช้นิ้วสัมผัสเพื่อเลื่อนหน้าจอ หรือพิมพ์ข้อความสนทนาโต้ตอบทางโทรศัพท์ ทำให้ต้องละสายตาจากเส้นทาง แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ทำให้มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น

หากต้องการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ แนะนำให้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย หรือเปิดลำโพง เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์ หรืออาจใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับยึดหรือติดโทรศัพท์ไว้กับส่วนหน้าก่อนการขับรถ โดยตำแหน่งที่ติดต้องไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับรถ แต่ถ้าจำเป็นต้องถือหรือพิมพ์ข้อความลงบนโทรศัพท์ แนะนำให้จอดรถแล้วทำกิจกรรมนั้นให้เสร็จสิ้นเสียก่อนค่อยขับรถต่อ 

 

 

  •  ไม่ชอบเปิดไฟเลี้ยว และเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือแซงในระยะกระชั้นชิด 


ไม่เปิดไฟเลี้ยวบอกให้ผู้ร่วมทางทราบว่าต้องการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน มักเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุรถชน หรือหักหลบจนรถเสียหลังตกไหล่ทาง หรือรถคว่ำได้ โดยการขับรถมาด้วยความเร็วและเลี้ยวปาดหน้า หรือเปลี่ยนเลนกะทันหันโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว มักทำให้รถคันหลังเบรกไม่ทันหรือต้องเบรกกะทันหันจนเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ ทางที่ดีผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนต้องชะลอความเร็วและเปิดไฟเลี้ยวเมื่อต้องการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนก่อน 30 เมตรทุกครั้ง เพื่อส่งสัญญาณให้รถคันอื่นรู้ และเตรียมชะลอรถให้กับเรา 

นอกจากนี้อย่าลืมเปิดสัญญาณไฟก่อนแซงด้วย โดยห้ามแซงในระยะกระชั้นชิด และแซงซ้าย เพราะว่าทางด้านซ้ายรถมักขับช้า และเป็นจุดที่อับสายตาโดยระยะการมองเห็นทางซ้ายจะลดลงจนไม่สามารถมองเห็นรถทางด้านซ้ายได้จึงเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อีกทั้งการแซงซ้ายยังถือว่าผิดกฎพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 45 อีกด้วย 


  

  • อุ้มเด็กขณะขับรถ หรือพาเด็กโดยสารรถโดยไม่มี Car seat 


พฤติกรรมของเด็กเล็กมักจะซน เมื่อพาเด็กเล็กมาโดยสารรถโดยไม่มี Car seat  ให้นั่งและไม่มีคนอื่นดูแลนอกจากคุณที่เป็นคนขับ เด็กอาจปีนป่ายหรือรื้อค้นสิ่งของภายในรถ จนอาจทำให้คุณต้องละสายตาจากเส้นทาง พะวงกับการดูแลและสังเกตพฤติกรรมเด็ก จนสูญเสียสมาธิในการขับขี่ จึงเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นอีกหากอุ้มเด็กมานั่งตักขณะขับรถ คุณอาจบังคับพวงมาลัยไม่ถนัด รวมทั้งเด็กอาจนั่งบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง และอาจซนไปจับพวงมาลัย หรือเลื่อนเกียร์ได้ ดังนั้นการพาเด็กเล็กโดยสารรถจึงต้องมี Car seat ให้นั่ง เพื่อช่วยลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และยังช่วยยึดเด็กให้อยู่กับที่นั่งของตนเอง โดยไม่รบกวนสมาธิของผู้ขับอีกด้วย

 


  • การทำกิจกรรมต่าง ๆ และข้าวของบนรถที่เยอะเกินไป


การทำกิจกรรมเหล่านี้ขณะขับรถอาจทำให้คุณเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทั้งรถชน รถคว่ำ รถตกไหล่ทาง เช่น จับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว เพื่อใช้อีกมือหนึ่งกินอาหารหรือขนม ซึ่งมือที่เปื้อนความมันหรือเศษอาหาร อาจทำให้จับพวงมาลัยไม่ถนัด จึงส่งผลต่อการบังคับทิศทางและประสิทธิภาพในการขับรถลดลงได้ การแต่งหน้าแต่งตัวขณะรถติด อาจทำให้คุณเผลอปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกได้  การค้นหาหรือหยิบของขณะขับรถอยู่ ทำให้ต้องเอื้อมมือ และเอี้ยวตัว รวมถึงละสายตาจากเส้นทางเพื่อค้นหาหรือหยิบสิ่งของ เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้ถึง 0.5 เท่า ยิ่งถ้ามีข้าวของมากเกินไปตรงที่นั่งคนขับ เช่น ขวดน้ำ รองเท้า  สิ่งเหล่านี้อาจเข้าไปติดใต้เบรกจนทำให้ไม่สามารถเหยียบเบรกได้ก็เคยมีเกิดขึ้นแล้ว

ทางที่ดีควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนขับรถ และภายในรถควรมีแค่ของจำเป็นเท่านั้น โดยต้องเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ หากจำเป็นต้องค้นหา หรือหยิบของ รวมทั้งทำกิจกรรมอื่น ๆ บนรถ อย่างการทานอาหาร หรือแต่งหน้า แนะนำให้จอดรถและทำกิจกรรมเหล่านั้นให้เสร็จก่อนจึงค่อยขับรถต่อจะปลอดภัยกว่า

 

 

  • ขับรถโดยใช้ความเร็วไม่ถูกต้อง ขับจี้ท้ายรถคันหน้า เสี่ยงชนท้าย


ขับรถช้าก็มีความเสี่ยงโดยการใช้ความเร็วรถยนต์ที่ต่ำกว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเลนขวาสุด จังหวะที่รถยนต์คันที่ตามหลังมามีการเบี่ยงแซงไปช่องทางซ้ายจะเกิดจุดบอดที่คนขับซึ่งอยู่ในตำแหน่งขวามองไม่เห็น จึงมีโอกาสสูงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุพุ่งชนกับรถยนต์ที่วิ่งมาในช่องทางซ้ายด้านหน้า ส่วนการขับรถเร้วกว่ากำหนด หากเกดิเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเบรกกะทันหันของรถคันหน้า คุณอาจเบรกไม่ทันจนรถชน หรือหักหลบจนรถเสียหลักจนตกไหล่ทางหรือรถคว่ำได้ เพราะฉะนั้นควรขับรถด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือใช้ความเร็วตามป้ายกำหนดความเร็วข้างทางจะดีที่สุด                                                            

นอกจากนี้ การขับรถจี้ท้ายคันหน้าถือเป็นมารยาทในการขับรถที่ไม่ดี ถึงแม้ว่าจะเป็นชั่วโมงเร่งรีบก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ เพราะจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุหากรถคันหน้าเบรกกะทันหัน คุณอาจก็ไม่สามารถเบรกได้ทันจนทำให้ชนท้าย หรือหักหลบจนรถเสียหลักตกไหล่ทางหรือรถคว่ำได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่จะต้องขับเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าไม่น้อยกว่า 60 เมตร  หรืออยู่ในระยะปลอดภัยที่คิดว่าจะเบรกได้ทัน แต่ก็อย่าทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้ามากจนเกินไป เพราะอาจทำให้การจราจรติดขัดได้
 


              พฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้จะลดท่อนประสิทธิภาพในการขับรถ จึงทำให้คุณเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำ รถชนและตกไหล่ทางได้ ดังนั้นเมื่อคุณนั่งอยู่หลังพวงมาลัยในฐานะผู้ขับขี่ จำเป็นต้องมีสมาธิและความพร้อมในการขับขี่อยู่เสมอ โดยผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตามกฎจราจร หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมที่ทำให้ขาดสมาธิในขณะขับรถ หรือพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวคุณเอง และเพื่อนร่วมท้องถนน และอย่าลืมทำประกันรถยนต์ ไว้เพิ่มความอุ่นใจตลอดการเดินทาง 

ยินดีให้คำปรึกษาลูกค้าทุกท่าน…

โทร  : 085-052-4444

Line : @mnrinsurancebroker

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้