พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์อย่างไร? ให้ปลอดภัยและถูกวิธี

Last updated: 21 ธ.ค. 2567  |  66 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์อย่างไร? ให้ปลอดภัยและถูกวิธี

วงแบตเตอรี่รถยนต์อย่างไร? ให้ปลอดภัยและถูกวิธี 


           การพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคน โดยเฉพาะเมื่อคุณพบว่ารถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติดเนื่องจากแบตเตอรี่หมดกลางทาง หากคุณไม่เคยทำมาก่อนการจัมพ์แบตรถ นั้นอาจดูซับซ้อนแต่ด้วยขั้นตอนง่ายๆ และเครื่องมือที่ถูกต้อง คุณก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 
 
ทำไมการจัมพ์แบตรถยนต์ถึงสำคัญ? 


แบตเตอรี่ในรถยนต์ทำหน้าที่สำคัญในการจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบสตาร์ทรถ เมื่อแบตเตอรี่หมดรถยนต์ของคุณจะไม่สามารถสตาร์ทได้ และหากไม่มีเครื่องมือช่วยเหลือหรือการพ่วงแบตเตอรี่ คุณอาจต้องรอรถช่วยเหลือเป็นเวลานาน ซึ่งไม่สะดวกและอาจเพิ่มค่าใช้จ่าย การเรียนรู้วิธีพ่วงแบตเตอรี่ จัมพ์แบตรถจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเองในเวลาที่คับขัน 
 
 
ขั้นตอนการพ่วงแบตเตอรี่ 


1. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดทั้งหมดของรถ  
ดับเครื่องยนต์นำรถที่จะพ่วงแบตเตอรี่มาจอดใกล้ๆ ในระยะที่ต่อสายพ่วงได้ 
 
2. นำสายพ่วงแบตเตอรี่ข้างที่เป็นสีแดง (ขั้วบวก)  
ต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของรถที่แบตหมดก่อน แล้วนำสายพ่วงขั้วบวกอีกด้านไปต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของคันที่มีแบตเช่นกัน 
 
3. นำสายพ่วงสีดำ (ขั้วลบ) ต่อกับแบตขั้วลบคันที่มีแบตก่อน  
ส่วนปลายสายอีกข้างให้หนีบเข้ากับโลหะตรงเครื่องยนต์ของรถที่แบตหมดแทน (ห้ามพ่วงกับแบตเตอรี่ขั้วลบเด็ดขาด)   
 
4. สตาร์ทเครื่องยนต์ของรถคันปกติก่อน เร่งเครื่องยนต์เล็กน้อย  
ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที สตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด ลองเร่งเครื่องเพื่อตรวจสอบว่ามีประจุไฟฟ้าเข้ามาที่แบตเตอรี่แล้วหรือยัง 
 
 
5. เมื่อเสร็จแล้ว ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วลบจากคันที่แบตหมดก่อน  
แล้วค่อยถอดขั้วลบและขั้วบวกของรถคันปกติตามลำดับ ตามด้วยขั้วบวกของรถที่แบตเตอรี่หมด 
 
 
ข้อควรระวัง 
     • ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมกัน หรือไม่ได้ปิดระบบไฟของรถทั้งสองคัน 
     • ห้ามสูบบุหรี่ จุดไฟเช็กระหว่างต่อพวงแบตเตอรี่รถยนต์ อาจก่อให้เกิดประกายไฟได้ 
     • อย่าให้ปลายสายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ 
     • หากไม่อยากให้เกิดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ แล้วต้องคอยจั้มแบตรถบ่อยๆ 

 
 
วิธีป้องกันแบตเตอรี่หมด 

  • ปิดไฟหน้าและระบบไฟฟ้าเมื่อจอดรถ หมั่นตรวจสอบว่าไฟหน้ารถและระบบไฟฟ้าอื่นๆ ถูกปิดอย่างถูกต้องก่อนออกจากรถ 
  • ตรวจสอบแบตเตอรี่เป็นประจำ ตรวจสอบแบตเตอรี่ทุก 6 เดือนหรือทุกครั้งที่ทำการบำรุงรักษารถ เพื่อให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพดี 
  • ใช้แบตเตอรี่คุณภาพ การเลือกแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพดีจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้จะช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาต่างๆ 


และหากใครสนใจประกันภัยรถยนต์ นึกถึง MNR Insurance Broker คอยให้บริการ สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือติดตามได้ทางช่องทางต่างๆของ MNR Insurance Broker ยินดีให้บริการ   
โทร : 085-052-4444    
Facbook : MNR Insurance Broker  
Line : @mnrinsurancebroker

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้